วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

          ได้เวลากลับมาพบกันอีกครั้ง หลังจากปีที่แล้วโขนพระราชทานจัดแสดงในชุด จองถนน เห็นว่า ตอนแรกในปี 2556 นี้ จะจัดแสดงในชุดวิรุญจำบัง แต่สุดท้ายก็มาลงตัวที่ศึกกุมภกรรณ ตอนโมกขศักดิ์นี่แหละ
          ปีนี้ เราเตรียมจองตั๋วซะตั้งกะเริ่มประชาสัมพันธ์เลยทีเดียว อิอิ แอบดีใจเล็กๆที่ตะล่อมชวนสมาชิกใหม่ไปดูเพิ่มได้อีก 3 คน ทั้งเพื่อนเราเองและเพื่อนแม่ 5555 ก็แหม อยากให้คนไปดูกันเยอะๆนี่นา เท่าที่มีประสบการณ์ในการดูโขนพระราชทานมา 4 ครั้ง ก็ไม่เคยผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว เห็นแล้วน่าจะลงทุนไปไม่ใช่น้อย ค่าบัตรที่ปีนี้ขึ้นราคามาอีกนิดหน่อย แต่เราก็ยังเห็นว่า ยังไงก็ยังถูกแสนถูกอยู่ดี ไม่น่าจะได้กำไรอะไรมากมายเลยนะน่ะ
          เมื่อเตรียมพร้อม เราก็จองบัตรซะ ตั้งกะเดือนสิงหาคมโน้นนนนน...น..น.  ได้ดูก็วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 56 รอบ 14.00น. แน่ะ และพอรู้ว่าเขาเปลี่ยนมาแสดงตอนหอกโมกขศักดิ์ เราก็อดไม่ได้ที่จะมานั่งทบทวนว่า ท้องเรื่อง ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ว่า เข้าใจและว่า ทำไม ผู้จัดถึงจับตอนนี้มาแสดง... อิ...อิ....

           หลังจากรอคอยกันมาได้ที่ ก็มีอันต้องทำให้ไม่แน่ใจว่า การแสดงจะต้องเลื่อนออกไปหรือไม่ เนื่องจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จสวรรคตในวันที่ 24 ต.ค.56 และทางสำนักพระราชวังประกาศไว้ทุกข์ 30 คือตั้งแต่ 25 ต.ค.-23พ.ย. 56 เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศและความอาลัย ซึ่งเราเองในฐานะของพุทธมามกะคนหนึ่งก็ได้เดินทางไปสักการะพระศพพระองค์ท่านที่วัดบวรนิเวศวิหารฯ ในวันที่ 27 ต.ค.56 และขอถวายความอาลัยแด่พระองค์ท่านไว้ ณ ที่นี้



           ผ่านมาได้ 5 วัน จึงได้ทราบจากทาง internet ว่า มีการเลื่อนการแสดงโขนครั้งนี้ออกไปจริงๆ แต่เลื่อนเฉพาะรอบที่ตรงกับช่วงไว้ทุกข์เท่านั้น ลองเช็คใน website เพื่อความแน่ใจก็ปรากฏว่า รอบที่เราจองกันไว้นั้นยังคงเดิมจ้า
           เมื่อถึงวันที่ 30 พ.ย. พวกเรา 6 คนวุ่นวายกันตั้งกะเช้า เนื่องจาก มากันคนละสาย แม้จะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล...แต่ก็นะ.....กว่าจะนัดกันลงตัว ก็แม่อยู่เมืองกาญจน์ เพื่อนแม่ 2 คนอยู่บ้านโป่ง ราชบุรี เขานัดจะมาพร้อมกัน 3 คน เพื่อนเราคนนึงอยู่จรัญฯ 52 อีกคนอยู่จรัญฯ 35 ปรากฏว่า นัดกันเซ็นทรัลปิ่นเกล้าซะดิบดี สายๆแม่โทรมาจะให้ไปรับที่สายใต้ ก็...OK เดี๋ยวไปรับที่สายใต้  สักพักใหญ่โทรมาอีกว่า รถทัวร์ที่นั่งมาเสียแถวศาลายา โอ๊วว....แม่จ้าววว  พวกเราต้องขับไปรับที่โน้นนนน  เลยเหรอเนี่ยย..ย.ย.ย.. หายไปพักใหญ่ก่อนจะโทรมายืนยันว่า เจอที่เซ็นทรัลเหมือนเดิม กะลังนั่งแท็กซี่มา เฮ้อ...ค่อยยังชัวร์ เอาล่ะมาพร้อมหน้าแล้วเราก็ตรงไปศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย.. ในทันที บัดนี้ เชิด..... อิอิอิอิ
           ด้วยความที่กลัวรถติดอย่างหนึ่ง กับอีกอย่างหนึ่งคือ สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่า จะยุติหรือรุนแรงหรือระแวงกันอยู่นิ่งๆ ทำให้พวกเรารีบมาถึงศูนย์วัฒนธรรมฯ ตั้งกะยังไม่ถึงเที่ยง กินข้าวเหนียวหมูทอด สลัดแขก ลูกชิ้นปิ้ง ขนมจีบ น้ำเก็กฮวยรองท้องกันไปเรื่อยๆ พลางมองดูนักแสดงที่แต่งตัวเสร็จแล้ว บ้างก็หาอะไรกินเหมือนพวกเรานี่แหละ บ้างก็ทำสมาธิ บ้างก็นั่งคุยกัน เราก็เล็งว่า คนนี้แต่งชุดแบบนี้จะแสดงเป็นตัวไหนน้า
           เพื่อนเราคนนึงเพิ่งจะเคยไปดูโขนพระราชทานเป็นครั้งแรก เอ่ยถามถึงตัวละครที่ใส่ชุดที่ฟ้าสดว่า นี่คือตัวอะไร เราก็เลยบอกไปว่า ให้ดูที่ลายเสื้อ ถ้าเป็นลายเหลี่ยมๆ ข้าวหลามตัดสีเขียวๆ แดงๆ ก็ต้องเป็นพวกยักษ์แน่ๆเลย แต่ถ้าลายที่ตัวเป็นวงๆ แสดงว่าเป็นตัวลิง ที่เห็นสีฟ้าน่าจะเป็น 1 ใน 18 มงกุฎ ที่ชื่อ นิลราช ชาติเดิมเป็นพระสมุทรอาสาจุติมาช่วยพระรามรบ


ตัวสีฟ้าๆ นั่นแหละค่ะ นิลราช
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519


            เรานั่งเม้าท์เรื่องโน้นเรื่องนี้ต่อกันอีกพักใหญ่ ก็13.30น.เลยตกลงกันว่า ไปเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยแล้วก็พร้อมเข้าสู่ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมฯกันแย้ววววว

           ครั้งนี้ เราจองบัตร 620 บาท อยู่ชั้น 2 มุมมองก็ O เช อยู่นะ เห็นภาพเวทีในมุมกว้างและได้ที่นั่งเกือบจะอยู่ตรงกลางเลย เริ่มต้นด้วยการรำอาศิรวาทบาทยุคล ถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งต้องยอมรับว่า ชอบใจในกระบวนท่ารำและการแปรแถวแปรขบวน เพราะดูแล้วลื่นไหล ไม่ขัดตาเลย ชุดผ้าถุงผ้านุ่งของตัวนางยังคงใช้บริการฝีมือทอผ้าของสมาชิกศิลปาชีพ จ.นครศรีธรรมราชเช่นเดียวกันกับปีที่แล้ว

ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

          หลังจากรำถวายพระพรจบลงไปท่ามกลางเสียงตบมือลั่นหอประชุม ก็ถึงเวลาของโขนกันแล้วล่ะ เริ่มเปิดฉากแรกมาก็เป็นท้องพระโรงกรุงลงกา ซึ่งเพื่อนถึงกะตะลึงก่อนเอ่ยปากชมว่า สวยมากเลยเหมือนท้องพระโรงของจริง เพราะมองไปทางไหนก็ดูเป็นสีทองอร่ามไปหมด ทศกัณฐ์นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนพระที่ มีเสนายักษ์จากบาดาลมารายงานว่า มัยราพณ์ถูกฆ่าตายแล้ว ทำเอาทศกัณฐ์ถึงกับเศร้าเสียใจที่หลานรักต้องมาตายเพราะน้ำมือของเจ้าลิงขาวหนุมาน ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นว่า ทำยังไงดีหนาถึงจะฆ่ามนุษย์ได้ ก็พลันคิดถึงกุมภกรรณน้องชายแท้ๆ ที่รั้งตำแหน่งอุปราชวังหน้าของกรุงลงกาว่า เป็นผู้มีฤทธิ์สิทธิ์ศักดิ์ อย่ากระนั้นเลยเชิญมาปรึกษาหาทางแก้แค้นจะดีกว่า

ทศกัณฑ์ประทับบนตั่ง ณ ท้องพระโรง กรุงลงกา สง่างาม น่าเกรงขาม
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

           เมื่อครั้งเป็นเด็กยังจำได้ว่า ดูรายการเราคือคนไทยและอ.เสรี หวังในธรรม ให้ข้อมูลที่น่าสนใจไว้ว่า กุมภกรรณนั้นเป็นยักษณ์สมถะ สังเกตจากที่เป็นยักษ์หัวโล้น อิอิ...ไม่ได้หมายความว่ากุมภกรรณเป็นยักษ์ผมน้อยหรอกนะคะ แต่หมายถึงว่า ไม่ได้ปรารถนาเครื่องยศให้เป็นที่เอิกเกริกสังเกตจากไม่ได้สวมมงกุฎยอดสูงเหมือนพี่ๆ น้องๆ หรือยักษ์ระดับราชวงศ์ตนอื่นๆ หากแต่สวมแค่กระบังหน้า มีกรรเจียกจร ห้อยอุบะ แค่นั้นเอง อีกทั้งยังเป็นยักษ์ที่ถือสัจจะ วาจาเป็นหนักหนา แถมยังมีใจยุติธรรม จนถูกทศกัณฐ์ประชดประชันในครั้งนี้่ว่า ใจเที่ยงยังกับตราชู

ขบวนเสด็จของกุมภกรรณ เต็มไปด้วยสาวสรรกำนัลใน
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

            พอกุมภกรรณมาเฝ้าด้วยท่วงทำนองการย่างก้าว เข้ากับเสียงเพลงพระยาเดิน ทศกัณฐ์ก็ตรัสทักทายว่า อยู่ดีมีความสุขที่วังหน้าอยู่รึ พอกุมภกรรณตอบว่า มีความสุขดีพะย่ะค่ะ ทศกัณฐ์ก็ชักเข้าเรื่องว่า ก็ดีแล้วล่ะ แต่รู้มั๊ยอ่ะว่า ทางวังหลวงนี้มีแต่เรื่องทุกข์ใจเพราะศึกมนุษย์มาประชิดเมือง  ตรงนี้มีข้อแตกต่างอยู่นิดนึงค่ะ คือ แหะๆ พอดีเราไปดู 2 รอบ รอบแรกคือวันเสาร์ 14.00น. รอบสองบัตร 1,500 ใกล้เข้ามาอีกหน่อย เป็นวันพุธที่ 4 ธ.ค. รอบ 19.30น. ปรากฏว่า รอบ 19.30น.คนพากย์เขาตัดตอนที่ทศกัณฐ์ตรัสถามสารทุกข์สุขดิบของกุมภกรรณออกล่ะ ที่จับได้เพราะจำชื่อมเหสีของกุมภกรรณได้ว่า ทศกัณฐ์ถามว่า ครองวังหน้าอยู่กับจันทรวดี และคันธมาลีมีความสุขอยู่รึ แต่รอบค่ำไม่มีถามข้อความนี้ ไม่แน่ใจว่า ตัดทิ้งเพื่อให้เวลากระชับหรือเป่า

กุมภกรรณพยายามทูลความด้วยใจซื่อ แต่พระเชษฐาไม่ทรงยอมรับฟัง
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

            ต่อๆ กุมภกรรณด้วยความที่เป็นยักษ์ซื่อสัตย์ก็ทูลพระเชษฐาไปตรงๆว่า มนุษย์นี้ไม่ได้หมายมาตีเพื่อเอาพระนครลงกา แค่พระเชษฐาคืนส่งองค์สีดา แค่นี้ก็จบเรื่องแล้ว ได้ยินอย่างนี้ปุ๊บทศกัณฐ์ก็เริ่มนั่งไม่ติด ออกอาการหงุดหงิด "สะบัดหน้า....ไม่อยากฟัง" (ท่าทศกัณฐ์ตอนงอนสะบัดหน้านี่ น่ารักชะมัด 55555) คงเริ่มกรุ่นๆและ แต่พยายามเก็บอาการโดยชวนคุยต่อว่า ดูที่มนุษย์มันทำกับเราสิ ทั้งสำมนักขา ทูต ขร ตรีเศียร ไหนจะที่พระยาวานรมาเผาเมือง (หนุมาน) พังทวารฆ่าเสนา(องคต) หักฉัตรรัตนากร(สุครีพ) ลองคิดดู๊ กุมภกรรณก็ตอบไปตามเนื้อผ้าตรงๆว่า สำมนักขาหน้ามันด้านบ้าผู้ชาย ทูต ขร ตรีเศียร ก็หูเบาฟังคำน้องมาฟ้องไม่ไตร่ตรอง 3พระยาวานรนั้นนายสั่งงานมาก็ต้องอยากทำงานเอาหน้าเป็นธรรมดา

เอาแล้วไง พระเชษฐาพิโรธแล้ว ด้านหลังทศกัณฐ์จะเห็นรณพักตร์ลงมานั่งก้มหน้าอยู่กับพื้น ไม่ได้นั่งบนตั่งเพราะพระเจ้าอา ประทับอยู่ต่ำกว่าค่ะ
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

             การแสดงช่วงนี้มีเกร็ดน่ารักเล็กๆน้อยๆ น่าคอยสังเกตบนเวทีค่ะ คือด้านซ้ายมือของทศกัณฑ์จะมียักษ์เขียวนั่งบนตั่งอยู่ 1 ตน คือ รณพักตร์หรืออีกชื่อคือ อินทรชิต ตามศักดิ์ก็คือหลานอาของกุมภกรรณ ตอนที่กุมภกรรณพยายามอธิบายเหตุผลต่างๆให้ทศกัณฐ์ฟัง อินทรชิตพยายามยกมือขึ้นจุ๊ปากห้าม โบกมือห้าม เพราะเห็นว่า ยิ่งเสด็จอาทูลมากเท่าไหร่ เหมือนยิ่งเอาไฟไปจี้พระทัยพระบิดามากเท่านั้น แต่เสด็จอาก็หาได้สังเกตไม่ ยังตั้งหน้าตั้งตาทูลด้วยความจริงใจอยู่อย่างนั้น จนกระทั่ง เสด็จพ่อฟิวส์ขาด กระทืบบาทกระโจนลงจากพระที่ จนกุมภกรรณตกพระทัยตัวกระเด้งลงมานั่งกองอยู่กับพื้น เมื่อเห็นเสด็จอาประทับลงกับพื้น อินทรชิตผู้เป็นหลานก็ไม่รอช้ารีบลงจากตั่งนั่งลงกับพื้นเช่นเดียวกับเสด็จอา ด้วยเป็นผู้น้อยกว่าทั้งอายุและฐานันดร เป็นเกร็ดเล็กๆที่แฝงความเป็นไทยไว้ได้อย่างแนบเนียน
    
ตอนนี้ นักแสดงเล่นได้สมบทบาท จนอดสงสารกุมภกรรณไม่ได้อ่ะ
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

              ทศกัณฐ์ก็เข้าเล่นงานกุมภกรรณอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งดุ ทั้งด่าว่า ขี้ขลาด ทั้งประชดประชันต่างๆนานา ตอนนี้ นักแสดงเล่นได้น่าสงสารกุมภกรรณมากๆ โดนพี่ชายทั้งเข็กหัว ทั้งตบหน้า ด่ากราดทั้งผลักไสไล่ให้ตามไปอยู่กับพิเภก จนกุมภกรรณตัวสั่นงันงก สุดท้าย ด้วยความจำใจและสำนึกในบุญคุณของพระเชษฐาที่เลี้ยงดูอย่างดีเรื่อยมา จึงตัดใจอาสาจะไปรบกับพระราม เท่านั้นล่ะ ทศกัณฐ์หัวเราะร่า อ้า...อ้า...อ้า.อ้า อ่ะๆๆ   เอ๊ยยยยยย เข้าประคองพระน้องรัก เชิญประทับที่พระแท่นให้สบายเถอะ คนพากย์ก็พากย์ได้ อ้า...อ้า...อ้า..อ้า จริงๆเล๊ยยยย   เพื่อนแม่ถึงกะเอ่ยว่า แหม๋ อยากเห็นหน้าตาคนพากย์จริงๆเลย

ทศกัณฐ์นั่งกระดิกฝ่าพระบาทอย่างสบายใจ หลังพระน้องรักตัดสินพระทัยรับอาสาไปรบกับพระราม
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

              ในรอบแรกที่ไปดู ตอนนั้นสถานการณ์ทางการเมืองยังคลุมเครือค่ะ ไม่รู้สีไหนเป็นสีไหน คนพากย์ก็ต้องนับถือว่า หัวไวจริงๆค่ะ เขาพากย์ตอนที่ทศกัณฐ์เข้าไปประคองน้องว่า ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว เราสีเดียวกัน ต้องรักกัน จำได้ว่า เรียกเสียงฮาจากคนดูครืนเลยทีเดียว ส่วนรอบ 2 ตอนนั้นสถานการณ์คลี่คลายแล้ว คนพากย์ก็พากย์ว่า ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ทำ พี่ไม่ทำ เราต้องรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่กุมภกรรณที่ดูในรอบ 2 เล่นได้ตกประหม่าถึงอารมณ์ดีค่ะ พอกลับไปนั่งพระแท่นแล้วทศกัณฐ์กระทืบเท้าจะสั่งการจัดกระบวนทัพ กุมภกรรณก็ต๊กกะใจสะดุ้งโหยงจนกระบองอาวุธประจำกายกระเด็นหล่นลงมากองกับพื้น ซึ่งตัวแสดงหลักอย่างกุมภกรรณจะก้มลงเก็บเองน่ะ ไม่ได้ และก็เป็นหน้าที่ของมโหธรพี่เลี้ยงของทศกัณฐ์ คลานเข่ามาเก็บและนำไปวางไว้ข้างกาย เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะเดี๋ยวกุมภกรรณเขาต้องใช้ตอนที่จะเหาะไปรับหอกโมกขศักดิ์จากพระพรหมท่านน่ะสิจ๊ะ ฉากนี้ปิดลงตรงที่ทศกัณฐ์อารมณ์ดี นั่งขัดสมาธิกระดิกเท้า หัวเราะจนตัวเขย่า แล้วปล่อยให้น้องไปตระเตรียมการรบต่อไป


              ด้วยความที่กุมภกรรณเป็นยักษ์ดี มีศีล มีสัจ จึงมีหอกโมกขศักดิ์อาวุธทรงอิทธิฤทธิ์ ที่พระพรหมประทานให้ ซึ่งกุมภกรรณก็ฝากท่านเอาไว้ กะว่าจะนำมาใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ คราวนี้ก็เลยต้องเหาะขึ้นฟ้าไปเฝ้าพระพรหมเพื่อขอหอกโมกขศักดิ์มาใช้ ฉากนี้ใช้วิธีฉากภาพก้อนเมฆเคลื่อนคล้อยเหมือนท้องฟ้ายามค่ำ ก่อนที่นักแสดงจะถูกสลิงดึงตัวสูงขึ้นไปในท่าเหาะ เรียกเสียงตบมือกราวใหญ่ เมื่อเปิดม่านขึ้นใหม่ก็ต้องพบกับฉากอลังการปานสวรรค์ชั้นพรหมจริงๆ (รอบ 2 มีแขก  แขกจริงๆนั่งดูอยู่ข้างหลังเรา พอเปิดม่านฉากนี้ขึ้นปุ๊บ ได้ยินแขกร้องเบาๆว่า ว้าวววว...ว.ว.ว. ^^)

ฉากสวรรค์ชั้นพรหมอันงดงามตระการตา
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

              ฉากนี้ สวยงามมากค่ะ มีมิติ ตื้น ลึก ชอบตรงส่วนที่ทำเป็นเหมือนวิมานของเทพองค์อื่นๆ มองแล้วเหมือนวิมานชั้นฟ้าจริงๆ และนักแสดงที่นั่งอยู่ในวิมานก็ขยับท่าทางไปมา ไม่ได้นั่งเฉยๆ สีสันก็สดใส มองแล้วจำเริญตามากๆเลยค่ะ กุมภกรรณเข้าเฝ้าทูลขอรับมอกโมกขศักดิ์ที่ฝากไว้ พระพรหมท่านก็กะลังจะยื่นให้ แต่มาสะดุดตาสะดุดใจ เอ...ทำไมหอกนี้เป็นสนิม กุมภกรรณจึงสารภาพตามจริงว่า จะเอาไปรบกับพระราม ครั้งนี้ต้องยอมเสียสัตย์วาจาที่เคยเอ่ยไว้ว่า จะประพฤติมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีและคงไว้ซึ่งความถูกต้องยุติธรรม ทั้งนี้ก็เพราะจะทดแทนบุญคุณของพระเชษฐาที่ชุบเลี้ยงมา พระพรหมท่านก็เห็นใจได้แต่เอ่ยเตือนให้กุมภกรรณรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี

พระพรหมทรงส่งหอกโมกขศักดิ์ให้กุมภกรรณพลางเตือนให้รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

             เมื่อได้หอกโมกขศักดิ์มาแล้ว กุมภกรรณก็ต้องมาตั้งโรงพิธีเพื่อจะลับคมหอกโมกขศักดิ์ค่ะ น้องผู้แสดงเป็นกุมภกรรณตอนตั้งโรงพิธีร่ายรำได้คล่องแคล่ว เข้มแข็ง จนกระทั่งมาถึงเชิงเขาจักรวาลริมแม่น้ำก็ตั้งโรงพิธีสีแดงสด ผู้ประดิษฐ์ฉากเก็บรายละเอียดดีมากค่ะ ทั้งช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ สวยงามน่าชมสมบูรณ์แบบมากๆ ที่สำคัญพอมองลงมาด้านหน้าเวทีสมมติว่าเป็นแม่น้ำ เขาทำได้ดีมากๆ มีระลอกคลื่นสีฟ้า เคลื่อนไหวไปมาได้ด้วย ถือเป็นอีก 1 เซอร์ไพร์ส ที่น่าตะลึงจริงๆเลยค่ะ
              


             พอกุมภกรรณมาถึงโรงพิธีที่ปลูกไว้เรียบร้อย ถูกต้องตามแบบแผน นอกจากจะเป็นยักษ์ดีมีศีลมีสัจแล้ว กุมภกรรณยังเป็นยักษ์อนามัย รักความสะอาดฝุดๆอีกด้วย จึงสั่งเสนายักษ์ทั้งหลายให้หมั่นตรวจตรา รักษาเวรยามไว้ให้ดี ตลอดเวลาที่ทำพิธีอย่าให้มีสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็นลอยผ่านแม่น้ำมาหน้าปะรำพิธีได้ เพราะจะทำให้เสียสมาธิในการบริกรรมคาถา สั่งเสร็จก็สำรวมจิตบูชาเครื่องบัตรพลี มองสังเกตดีๆ ตอนแรกนึกว่า ยักษ์ตั้งโต๊ะหมู่บูชาไหว้พระด้วยเหรอเนี่ย เอ...จะใช่เหรอเพราะบูชาด้วยเลือดโคถึก มฤคีเสียด้วย แต่พอพิจารณาดูดีๆก็เห็นว่า ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่บูชาน่าจะเป็นเทวรูปพระพรหมมากกว่า รวมถึงรูปแกะสลักที่หน้าบันด้วยเพราะเห็นมี 4 พักตร์ค่ะ เมื่อเซ่นสรวงสังเวยเสร็จกุมภกรรณก็เริ่มลงมือลับหอกโมกขศักดิ์อย่างขะมักเขม้น

ยักษ์ตัวตลกมี 3 ท่านค่ะ เสียดายไม่มีรูปของอีกท่านนึง
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

             เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้ ก็มีเบรคอารมณ์ให้ขบขันกันนิดหน่อยกับตลกสลับฉาก ถือว่าเป็นตลกสายเลือดใหม่ที่น่าจับตามองไม่น้อยค่ะ รอบแรกนั้น อย่างที่บอกว่า สถานการณ์ทางการเมืองยังอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างตึงๆ ตลกน้องใหม่ทั้ง 3 จึงจับเอาเหตุการณ์ ชื่อตัวแสดง สัญลักษณ์มาเป็นมุกให้ขบขันกันฮาครืน เช่น
            สบอ.ลก.สำนักงานนโยบายบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย ลงกา 
            ถามว่า มีงบเท่าไหร่ ก็ตอบว่า เยอะอยู่ประมาณ 2.2 ล้าน ล้าน
            มียักษ์ตนนึงถือตระกร้าฮวยน้า (ตระกร้ากับข้าวแบบจีน) นึกว่าจะมี ซาลาเปา แต่พอเปิดออกมากลายเป็นนกหวีดยักษ์ อันเบ้อเริ่ม แถมเป่าได้ด้วย
            สุดท้ายก็แบ่งหน้าที่กันดูแลน่านน้ำ โดยแบ่งเป็นต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ซึ่งทั้ง 3 ก็ปล่อยมุกกันแพรวพราวว่า ต้นน้ำอยู่แม่วงศ์ ปลายน้ำอยู่ราชดำเนิน เพราะฉะนั้นกลางน้ำก็อยู่ราชมังคลากันล่ะ เท่านี้คนดูก็ครึกครื้นกันลั่นหอประชุมฯ แล้ว
             ส่วนวันที่ได้ดูรอบ 2 สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย มุกก็เปลี่ยนไปเป็นโยงชื่อตัวละครเลือดขัตติยาที่กะลังเริ่มแสดงอยู่ฝั่งตรงข้ามคือ รัชดาลัยเธียเตอร์ เอสพลานาดมาให้ขำๆกันบ้าง โฆษณาขายสินค้าของศูนย์ศิลปาชีพด้วยลีลาของTV Direct บ้าง ส่วนมุกที่ยังเรียกเสียงฮาได้อยู่ก็เรื่องการเมืองเช่นรอบแรกและฮาสุดๆก็ตอนที่ ยักษ์ตนนึงหยิบกางเกงในตัวเบ้อเริ่มออกมาแล้วบอกว่า เอาของแฟนมา เป็นจี-สตริงยักษ์ที่เวลานุงใช้สวมขึ้นมาแล้วเอาขอบมาคล้องที่บ่า มุกนี้ทำให้รู้ว่า แต่ละรอบน่าจะแสดงไม่ซ้ำกันเลย เพราะสังเกตเห็นน้องนักร้องที่นั่งอยู่ข้างเวที ปิดปากหัวเราะกันตัวโยน เหมือนว่า พวกเขาก็เพิ่งได้เห็นสดๆพร้อมๆกับเรานี่แหละ

ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

          กว่าจะกลับมาเขียนต่อก็ผ่านไปเกือบ 2 ปี (T_T) อาจจะต่อไม่ติดสักเท่าไหร่นะคะ เพราะจำรายละเอียดไม่ค่อยได้แย้วอ่ะ มาต่อกันที่หนุมานกะองคตรับอาสามาทำลายพิธีลับหอกค่ะ ก็นัดแนะกันว่า หนุมานจะแปลงเป็นหมาเน่าแล้วให้องคตแปลงเป็นอีกาคอยจิกไส้หมาเน่าลอยผ่านหน้าปะรำพิธีให้กุมภกรรณเสียสมาธิ ซึ่งวิธีนี้ได้ผลค่ะ เขาทำหุ่นหมาเน่ามีอีกาจิกไส้ได้เหมือนมากๆ พวกเสนายักษ์ต่างพากันเอามือปิดจมูก โบกไล่กลิ่นเหม็นกันใหญ่ โดยเฉพาะกุมภกรรณทำท่าตอนเริ่มได้กลิ่นแบบว่า ตัวสะดุ้งฉุนกึกมากอ่ะ ส่วนพลยักษ์ที่มีหน้าที่ตรวจตราก็พยายามเอาไม้เขี่ยๆ แต่เจ้าหมาเน่าก็ยิ่งลอยทวนน้ำเข้ามาใกล้ฝั่งมากขึ้น จนสุดท้ายกุมภกรรณทนไม่ไหว ทำคอขย้อนแล้วก็ .....อุแหวะ ออกมา 55555 ดูแย้วก็น่าสงสารจัง สรุปแล้วพิธีลับหอกโมกศักดิ์ก็ล้มเหลวค่ะ กุมภกรรณก็ตัดใจ เอาไงเอากัน เสียพิธีแล้วนี่นา ยังไงก็ต้องออกรบทั้งที่หอกเป็นสนิมนี่แหละ


ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519


         
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519
          หลังจากพักการแสดง 15 นาที ก็มาต่อกันที่งานนี้พระรามมอบหมายให้พระลักษมณ์ออกรบเป็นทัพหน้าค่ะ (จริงๆแล้ว เริ่มที่ฉากพลับพลาก่อนค่ะ แต่เขียนค้างไว้นานแย้ว ขอรวบรัดเลยแล้วกันเน๊อะ) ฉากยกทัพก็สวยงามตระการตา ทั้งกระบวนท่ารำ การจัดทัพ ดูยิ่งใหญ่เต็มเวที



พระลักษมณ์ เข้าต่อสู้กับกุมภกรรณในระยะประชิด
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519

          และแล้วก็ถึงไคลแม็กซ์ค่ะ พระลักษมณ์ตามที่เคยดูในหนังอินเดีย ท่านจะมีอุปนิสัยค่อนข้างจะใจร้อน มุทะลุอยู่สักหน่อย ซึ่งก็คงเพราะเหตุนี้รึเป่าก็ไม่รู้ ก็เลยทรงพลาดท่าโดนกุมภกรรณขว้างหอกโมกขศักดิ์ปักที่พระอุระเข้าอย่างจัง มีเกร็ดเล็กๆเกี่ยวกับพระลักษมณ์ขอแทรกไว้นิดนึงค่ะ พระลักษมณ์ ทรงเป็นพระโอรสของท้าวทศรถกับพระนางสมุทรเทวี (พระมเหสีลำดับที่ 3) ทรงมีพระอนุชาฝาแฝดคือพระสัตรุด ดังนั้น หากเรียงลำดับอาวุโสก็คือ
                    1.พระราม คือพระนารายณ์อวตารลงมา ทรงเป็นพี่ชายองค์โต (ประสูติแต่พระนางเกาสุริยา พระมเหสีเอก) 
                    2.พระพรต (ประสูติแต่พระนางไกยเกษี มเหสีลำดับที่ 2 ผู้เป็นต้นเหตุให้พระรามต้องเสด็จเดินดงค่ะ) พระพรต คือจักรแก้ว อาวุธของพระนารายณ์อวตารลงมาช่วยค่ะ 
                   3.พระลักษมณ์ คือสังข์ของพระนารายณ์ อวตารมาค่ะ เคยดูหนังอินเดียจะออกเสียงว่า ลัก-สะ-มัน เป็นภาษาสันสกฤตค่ะ แปลว่า ผู้มีลักษณะที่ดีที่งดงาม ส่วนใหญ่มักจะเห็นเขียนกันเป็น พระลักษณ์ ถ้าเป็น ลักษณ์ คำนี้ ภาษาสันสกฤต แปลว่า จดหมาย หรือ ตัวอักษร ค่ะ จากที่ได้ยินในหนังอินเดียก็เลยเชื่อได้ว่า ที่ถูกต้องควรจะเขียนว่า พระลักษมณ์ ค่ะ ทรงเป็นแฝดผู้พี่ของพระสัตรุด
                   4.พระสัตรุด คือคฑาของพระนารายณ์ อวตารมาค่ะ ทรงเป็นแฝดผู้น้องของพระลักษมณ์ แต่ด้วยความที่ในวัยเยาว์ทรงถูกแยกไปอยู่เมืองไกยเกษกับพระพรต จึงทรงสนิทสนมกับพระพรตมากกว่าพระรามและพระลักษมณ์ ดังจะเห็นได้ หลังจากที่พระรามเสด็จกลับมาครองเมืองแล้ว และทางลงกาเกิดศึกครั้งใหม่นำโดยท้าวจักรวรรดิ์และไพนาสุริยวงศ์ ลูกของทศกัณฑ์ที่ติดท้องนางมณโฑมา หลังสิ้นทศกัณฑ์พิเภกได้รับการแต่งตั้งให้ครองเมืองลงกาและหลงคิดว่า ไพนาสุริยวงศ์เป็นลูกของตนจึงรักและเลี้ยงดูอย่างดี แต่วรณีสูรพี่เลี้ยงบอกความจริงว่า ไพนาสุริยวงศ์ไม่ใช่ลูกของพิเภก ยักษ์เด็กมีปัญหาจึงหาทางไปพึ่งท้าวจักรวรรดิ์พระสหายของทศกัณฑ์เพื่อกลับมาก่อจลาจลยึดเมืองลงกาจับพิเภกขังไว้ เมื่อถึงเวลานั้น พระรามได้มอบหมายให้พระพรตยกทัพไปปราบ พระสัตรุดก็ทูลขอตามเสด็จไปช่วยพี่ชายคนสนิทรบด้วยคนค่ะ ซึ่งจำได้ว่า ทางสังคีตศาลา กรมศิลปากร เคยจับตอนที่พระพรตกับพระสัตรุดออกรบมาเล่นไว้หลายตอนเหมือนกัน ซึ่งก็ดูสนุกไม่แพ้ช่วงพระรามพระลักษมณ์รบกับทศกัณฑ์เลยล่ะค่ะ
พระลักษมณ์โดนหอกโมกขศักดิ์เข้าเต็มพระอุระ....
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519
          แม้หอกโมกขศักดิ์จะขึ้นสนิมและเข้าพิธีชุบหอกไม่สำเร็จ แต่ด้วยความที่เป็นเทพศาสตรา อานุภาพก็จะธรรมดาๆ ได้ไง ดังนั้น เมื่อกุมภกรรณซัดหอกไปต้องพระอุระก็ปักคาแน่น หนุมานพยายามเข้าแก้ไขดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออก

                                                                   อันโมขศักดิ์อสุรา            พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้
                                                                   ทรงอานุภาพฤทธิรุทร      ต้องใครจะฉุดนั้นไม่ไหว ........(พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่1)
                                                              ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519
          สุครีพจึงให้นิลนนท์รีบกลับไปแจ้งพระรามที่พลับพลา เมื่อพระรามเสด็จมาถึงก็กรรแสงสงสารพระอนุชา พยายามดึงเท่าไหร่หอกก็ไม่ขยับเขยื้อนได้เลย พิเภกจึงรีบทูลว่า พระลักษมณ์แค่สลบไปเท่านั้น แต่ต้องรีบแก้ไข อย่าให้แสงอาทิตย์สาดส่องมาต้องหอกได้ แล้วต้องรีบหาสังกรณี ตรีชวาที่เขาสรรพยามาบดพอกที่บาดแผล พระลักษมณ์ก็จะฟื้นคืนพระสติดังเดิม พระรามทรงได้ฟังดังนั้นก็ตรัสเรียกหนุมานทหารเอกมาสั่งการให้รีบไปปฏิบัติการ Mission Impossible ในทันที

          ฉากนี้ เป็นอีกฉากที่ประทับใจค่ะ เพราะหนุมานต้องขึ้นสลิงเหาะขึ้นไปกลางเวหา เปิดม่านออกมาเราก็เจอพระอาทิตย์ดวงกลมโตสีแดงมีราชรถทรงเครื่องต้นงดงามลอยอยู่โดดเด่น มีพระอาทิตย์ที่เป็นคนแสดงจริงๆ นั่งอยู่ด้วย เจ๋งอ่ะ! หนุมานด้วยความร้อนใจเหาะมาเจอปุ๊บก็ตรงเข้ายึดล้อรถพระสุริยาในทันที แล้วก็......ตู๊ม.....ด้วยรัศมีความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ เมื่อหนุมานไปสัมผัสเข้าก็ปะทุเป็นลูกไฟดวงใหญ่ บรึ๊ม ใส่หนุมานกระเด็นลอยไปเลยค่ะ จะบอกว่า เขาทำภาพตอนลูกไฟระเบิดเหมือนเปลวไฟของดวงอาทิตย์มากๆ ด้วยวิธีฉายภาพเสมือนจริงขึ้นไปบนฉากข้างหลังค่ะ ตอนนี้พระอาทิตย์ก็ออกอาการตกใจ นึกว่า ราหูมาราวีค่ะ มองไปมองมาเห็นลิงน้อยโดนไฟเผาตัวดำสลบอยู่ก็สงสารจึงให้พรจนฟื้นขึ้นมาเพื่อถามไถ่หาสาเหตุว่า มายึดรถท่านไว้ทำไม ...แสดงว่า พระอาทิตย์พระบิดาของสุครีพก็เป็นเทพที่มีเหตุผลนะเนี่ย


หนุมานโดนเปลวไฟของพระอาทิตย์ปะทุใส่จนกระเด็น
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519
            พอพระอาทิตย์รู้ความจากหนุมานแล้วก็เห็นใจ แต่ท่านก็อธิบายว่า จะให้ท่านหยุดเดินรถนั้นเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างในโลกนี้หมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเป็นของธรรมดา หากท่านหยุดเดินธรรมชาติก็จะวิปริตผิดปกติไป เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เท่าที่ท่านช่วยได้คือ ท่านจะเดินรถเข้าหลบในกลีบเมฆ ไม่ให้แสงส่องไปต้องหอกและองค์พระลักษมณ์ ขอให้หนุมานเร่งไปเอายาที่เขาสรรพยาเถิด

            หนุมานได้ฟังก็ดีใจ ขอบพระคุณพระอาทิตย์ก่อนรีบออกเดินทางไปยังเขาสรรพยา ซึ่งก็เป็นไฮไลท์อีกฉากหนึ่งเหมือนกันค่ะ ไปถึงก็พยายามค้นหา ต้นสังกรณี ตรีชวา จำได้ว่า เคยดูภาพยนตร์ไทยตอนเด็กๆ ประมาณปีพ.ศ.2529-30 ได้ล่ะมั๊งคะ เรื่อง ศึกกุมภกรรณ ตัวแสดงแต่งตัวแบบโขนนี่แหละ จับตอนเดียวกับโมกขศักดิ์นี้เลย ถึงตอนหนุมานไปหายาก็ตะโกนหาสังกรณี ตรีชวา จ๋าาาาาาาา แล้วก็จะมีเสียงตอบว่า อยู่ตรงนี้ๆ ต้นไม้ก็ย้ายที่ไปมา จนหนุมานหาไม่เจอ จับไม่ได้ สุดท้ายก็เลยใช้วิธีเนรมิตกายให้ใหญ่เท่าเขาสรรพยาแล้วเอาหางพันจากเชิงเขาไปจนถึงยอดจนกระทั่งจับเจ้าสังกรณีตรีชวาได้ ในการแสดงโขนครั้งนี้ เขาก็เนรมิตเหมือนกันค่ะ เนรมิตเขาสรรพยาแล้วก็หนุมานตัวใหญ่ กระดิกหางตวัดพันภูเขาได้ด้วย สุดยอดดดดดด

หนุมานเอาหางพันจับต้นสังกรณีตรีชวา
ขอขอบคุณภาพจาก http://pantip.com/topic/31312519
อันนี้เป็นหน้าปก CD หนังเรื่องศึกกุมภกรรณ ที่หาซื้อมาเก็บไว้ได้
ซึ่งเจ้าของ Blog จำได้ว่า ตอนเด็กๆ โปสเตอร์หน้าโรงหนังก็ใช้รูปเดียวกันนี้ค่ะ 
          มีเกร็ดเล็กๆเกี่ยวกับต้นสังกรณีตรีชวานิดหน่อยค่ะ พอดีไปอ่านเจอมาว่า ต้นสังกรณี น่ะมีจริงๆนะ แต่ไม่ได้มีสร้อยต่อท้ายว่า ตรีชวา อย่างในเรื่องรามเกียรติ์ แล้วก็มีหลายชนิดเสียด้วย แต่ชนิดที่เราคุ้นชื่อกันดีก็น่าจะเป็นต้นหนุมานประสานกายค่ะ สรรพคุณก็ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับปอดและหลอดลม พ่อของเจ้าของ Blog เป็นโรคถุงลมโป่งพองก็ใช้หนุมานประสานกายนี่แหละใบสดๆล้างสะอาดแล้วเคี้ยวกลืนเลย พ่อบอกว่า ขมฝุดๆแต่ก็ต้องกินอ่ะ อีกสรรพคุณหนึ่งคือการรักษาอาการบอบช้ำภายในค่ะ นัยว่าชื่อหนุมานประสานกายคือ ช่วยรักษาอาการช้ำในนั่นเอง สังกรณีชนิดที่ 2 คือต้นหญ้าหัวนาค มีดอกสีม่วง สรรพคุณแก้อาการร้อนใน กระหายน้ำ ส่วนสังกรณีชนิดที่ 3 เป็นไม้ประดับดอกสีส้ม สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ใน Blog นี้ค่ะ http://thaiforestherb.blogspot.com/2011/08/blog-post_14.html

ขอขอบคุณภาพจาก http://thaiforestherb.blogspot.com/2011/08/blog-post_14.html


           เมื่อหนุมานได้ยามาแล้วก็รีบเหาะกลับมายังสนามรบส่งให้พิเภกบดพอกที่แผล ก็ปรากฏว่า หอกโมกขศักดิ์ก็หลุดออกอย่างง่ายดาย พระรามจึงพาพระลักษมณ์และไพร่พลกลับยังพลับพลา เป็นอันจบการแสดงลงอย่างสมบูรณ์แบบ ถูกอกถูกใจเราจนต้องแอบไปดูรอบ 2 อิอิอิอิอิอิ

สูจิบัตรกับบัตรเข้าชม ^^ สำหรับเก็บเป็นที่ระลึก

แม่กับเพื่อนๆขอถ่ายภาพกับครูหนู ผู้แสดงบททศกัณฑ์ พระเอกในดวงใจแม่เลยนะเนี่ย ^^
อันนี้ตอนไปดูรอบที่ 1 ครูหนูท่านเล่นเรื่องแผลเก่าด้วยนะ 



เจ้าของ Blog ขอถ่ายภาพกับครูเติ้ง ผู้แสดงบททศกัณฑ์ ตอนไปดูรอบ 2 ชอบฝ่ายยักษ์อ่ะ ^^

          55555 และแล้วก็เขียนจบจนได้  ^^' กว่าจะจบ ...ตอนนี้ก็ เดือนมิถุนายน ปี 2558 เข้าไปและ แหะๆเอาเป็นว่า โขนพระราชทาน ปี 2557 เขาจับตอนนาคบาศ ในศึกอินทรชิต ที่พระลักษมณ์พลาดท่า       (อีกแย้ว > < ) โดยอินทรชิตแผลงศรนาคบาศเป็นพญานาคตัวใหญ่มารัดแน่น จนพระรามต้องมาแผลงศรพรหมาศแก้ไขเป็นพญาครุฑมาจับพญานาคไป ซึ่งก็มีไฮไลท์ที่หน้าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ปีอื่นๆ แต่.... กลัวเขียนไม่จบอีกอ่ะ > <   ถ้าจะเขียนอีก ขอไปเขียนของปี 2558 เลยแย้วกันนะ อิอิอิอิอิ แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ เย้.........จบแย้ววววววว